เช้าเริ่มต้นกันด้วยการแวะสักการะศาลพันท้ายนรสิงห์ ที่ตั้งอยู่บนถนนสายพระราม2-สมุทรสาคร ที่นี่ยังเป็นจุดลงเรือเพื่อชมบรรยากาศคลองโคกขามไปจนถึงปากอ่าวไทย โดยใช้เวลาเพียง 1 ชั่วโมง ป่าโกงกางขึ้นปกคลุมตลอดริมคลอง ชาวประมงพากันดักปลาและเก็บหอยแมลงภู่กันแต่เช้า นี่หากโชคดี พวกเรายังจะได้เห็นปลาโลมาออกมาว่ายน้ำทักทายอยู่ข้างๆ เรืออีกด้วย โดยเดือนที่มีโอกาสจะได้เห็นปลาโลมา ก็คือ ช่วงเดือนพฤศจิกายน–กุมภาพันธ์ของทุกปี
บ่าย
ดั้นด้นมาจนเห็นการเก็บ หอยแมลงภู่กันแล้ว แวะดอนหอยหลอดสัก ที่จะเป็นไร ที่นี่มีร้านขายอาหารทะเลทั้งสดและแห้งให้เลือกซื้อ ราคาก็ไม่แพง น่าเสียดายที่ช่วงนี้น้ำทะเลขึ้น ไม่อย่างนั้นเราคงได้ลงเรือไปจับหอยหลอดกัน.. ทิ้งเรื่องหอยๆ ไว้แค่นี้ดีกว่า
เย็น
ปลายทางข้างหน้ารอเราอยู่ที่บ้านพักริมน้ำ บริเวณริมคลองบางแคซึ่งเป็นที่ตั้งของรีสอร์ทต่างๆ ในอ.อัมพวา เวลา 17.00 น.พวกเรานัดรวมตัวกันที่ท่าน้ำเพื่อล่องเรือไปตลาดน้ำอัมพวา(ยามเย็น) อาหารคาว-หวาน มีให้เลือกชิมตลอดทางทั้งร้านค้าบนบกและในเรือ ว่าแล้วก็ไม่ลืมที่จะแวะซื้ออาหารเตรียมใส่บาตรพรุ่งนี้ด้วย เพลิดเพลินกับบรรยากาศบ้านเรือนริมคลอง และอาหารรสชาติถูกปากกันแล้ว คราวนี้ก็ได้เวลาชื่นชมความงามของนางฟ้ายามราตรีแล้วสินะ ตื่นเต้นจังเลย.. พวกเรารวมตัวกันที่ท่าเรือหน้าที่ว่าการอ.อัมพวา เรือพาล่องไปตามคลองอัมพวา และคลองผีหลอกเพื่อชมหิ่งห้อย แทบไม่อยากเชื่อสายตาตัวเองเลยจริงๆ หิ่งห้อยนับหมื่นตัวเกาะอยู่ตามยอดไม้ และกิ่งก้านของต้นลำพู เปล่งแสงระยิบระยับราวกับเป็นการต้อนรับผู้มาเยือน ราตรีนี้ไม่มืดมิดอีกต่อไปแล้ว อำลาหิ่งห้อยด้วยรอยยิ้มและความประทับใจไม่รู้ลืม
วันที่ 2 ตลาดน้ำท่าคา - อาสนวิหารแม่พระบังเกิด - วัดบางกุ้ง - ค่ายบางกุ้ง - อุทยานร.2 - วัดอัมพวันเจติยาราม
เช้า
เช้าวันใหม่.. ไม่รีรอที่จะตื่นมาใส่บาตร อากาศเย็นสบาย มีสายหมอกบางๆ ลอยขึ้นมาคลอเคลียเหนือผิวน้ำ ขากลับ..
สาย
แวะดูการทำเตาตาลกันสักหน่อย บริเวณกิโลเมตรที่ 30-32 บนทางหลวงหมายเลข 325( สมุทรสงคราม-บางแพ ) จะได้พบที่มาและขั้นตอนการทำน้ำตาลมะพร้าว
เที่ยง
สถานที่อีกแห่งที่ไม่ควรผ่านเลยไป ก็คือตลาดน้ำท่าคา เพียงขับรถเลยแยกเข้าวัดเกาะแก้วไป ก็จะพบทางแยก ขับเข้าไปประมาณ 5 กิโลเมตรเท่านั้น เป็นตลาดน้ำที่ชาวบ้านพายเรือนำพืชผักผลไม้จากสวนมาขายกันอย่างกันเอง และจากเส้นทางสายหลักนี้ หากเราเลี้ยวเข้าไปยังเส้นทางสายสมุทรสงคราม-บางนกแขวก เรายังสามารถแวะเที่ยวได้อีก 4 แห่ง ที่แรกก็คืออาสนวิหารแม่พระบังเกิด ที่ตั้งอยู่เลยแยกสะพานสมเด็จพระอัมรินทร์ไปเพียง 100 เมตร สองคือวัดบางกุ้ง วัดที่มีต้นโพธิ์ปรกโบสถ์ ซึ่งอยู่ในพื้นที่เดียวกับค่ายบางกุ้ง ที่ที่สาม อุทยานร.2 ตรง กม.ที่ 36-37 จะพบทางแยกเข้าไป 1 กิโลเมตร และที่สุดท้ายก็คือ วัดอัมพวันเจติยาราม ติดกับอุทยานร.2 พระอุโบสถของวัดมีจิตรกรรมฝาผนังที่บอกเล่าเหตุการณ์สำคัญๆ ทางประวัติศาสตร์ไว้อย่างสวยงาม รวมถึงภาพฝาผนังที่สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ เสด็จลงฝีพระหัตถ์เป็นปฐมไว้ด้วย
เย็น
ก่อนอำลาอัมพวา แวะซื้อของฝากที่ตลาดน้ำอัมพวาอีกครั้ง บ้านไม้ริมตลาดน้ำยังคงมีเสน่ห์ดึงดูดผู้คนให้เข้ามาเยี่ยมเยือนอย่างไม่ขาด สาย ตลาดน้ำอัมพวายังมีมุมสำหรับคนที่ชื่นชอบการเขียนไปรษณียบัตรอีกด้วย บอกเล่าเรื่องราวความประทับใจ และอัธยาศัยของผู้คนที่อัมพวาให้คนที่เรารู้จักได้รับรู้ เชื่อว่า..พวกเขาจะต้องอยากมาบ้างแน่ๆ